From Stockholm: เรื่องรักเหงา ๆ ของเพอร์เซอร์แก่ ๆ และแอร์เด็ก ๆ
เหมือนเธอไม่เหนื่อยเลย… กว่า 10 ชั่วโมงจากกรุงเทพ เมื่อเครื่องลงจอดที่สนามบิน Arlanda ปุ๊บ ผู้โดยสารลงจากเครื่องหมดเรียบร้อย ผมประกาศให้เพื่อนร่วมงานทำ post flight security check และตรวจสิ่งของที่ผู้โดยสารอาจทำตกหล่นอยู่บนเครื่อง เสียงประกาศของผมคงฟังแล้วสะลึมสะลือเหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม… เธอเดินลากกระเป๋ามาที่ประตูหน้า มาถึงก็ท้าวสะเอวเลย…
เหนื่อยไม๊ลุง? เดี๋ยวหนูรอนะ…
ยังจะถาม… อันนี้ผมแอบคิดในใจ…
ผมกำลังก้ม ๆ เงย ๆ เสียบ seal รถเซลล์อันสุดท้ายอยู่ เธอยืนค้ำหัวผมอย่างงั้นแหละ ช่วยก็ไม่ช่วย…
เหนื่อยดิ ถามได้… ผมมีปัญหานอนไม่ค่อยหลับบนเครื่อง ได้แต่เอาตีนก่ายหน้าผากคิดอะไรไปเรื่อยจนหมดเวลาพัก… เพื่อน ๆ ลูกเรือคนอื่นลากกระเป๋าออกไปนอกเครื่องกันหมดแล้ว เหลือแต่เธอที่ยืนรอผมอยู่เงียบ ๆ
ผมเดินออกจากเครื่องไปกับเธอเป็นคู่สุดท้าย เป็นความรับผิดชอบเล็ก ๆ ที่ผมจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ฟังดูดี… เหตุเพราะเคยมีน้องลูกเรือเด็ก ๆ เดินหลงทางหารถไม่เจอ นั่นทำให้ทุกคนที่กำลังง่วงเหงาหาวนอนเต็มที่ต้องเสียเวลารอกันทั้งคันรถ…
หูอื้อ ตาปรือ ผมเดินเหมือนคนไร้วิญญาณไปยังรถบัสรับส่งลูกเรือ เธอก็เดินลากกระเป๋าเคียงข้างผมมานี่แหละ เกาะแจเลย… แอบเขินเหมือนกัน แก่ปานนี้แล้ว ยังมีน้องแอร์ตัวเล็ก ๆ หน้าใส ๆ เดินเกาะแกะชวนคุยไปด้วย…
อะลุง…
อะไร?…
ทิชชูเปียกค่ะ จริง ๆ เค้าเอาไว้เช็ดตูดเด็ก แต่หนูว่าลุงควรจะเช็ดหน้าเช็ดตาซะหน่อย หน้าลุงมันทอดไข่ได้แล้ว…
เช็ดให้หน่อยสิ มือพี่ไม่ว่าง…
ก็ไม่ว่างจริง ๆ มือนึงลากกระเป๋า อีกมือนึงสะพายถุงเสื้อสูท…
เชอะ…
เชอะ… สิ้นเสียงเชอะ… ผมเห็นเธอเบือนหน้าแอบไปอมยิ้ม… ผมก็แอบอมยิ้มเหมือนกัน แต่เธอไม่ได้เห็นมันหรอก…
บนรถบัส เพื่อน ๆ ลูกเรือนั่งประจำที่กันหมดแล้ว ผมเดินไปนั่งด้านหน้าไม่ห่างจากกัปตันมากนัก เผื่อว่ากัปตันจะมีอะไรพูดคุยด้วย ส่วนเธอแยกไปนั่งด้านหลัง รถออก.. ผมใส่หูฟัง …เปิด iPad …เปิดเพลง ปรับเอนพนักเก้าอี้เตรียมนอน… ยังไม่ทันหลับก็มีมือดีมาสะกิด…
ลุง ๆ นั่งด้วย… ว่าแล้วเธอก็ถือวิสาสะนั่งบนที่นั่งว่างข้าง ๆ…
ฟังเพลงไรอะลุง… ไม่รอคำตอบ เธอดึงหูฟังข้างนึงจากหูผมไปเฉยเลย…
เฮ้ยไรเนี่ย
ขอหนูฟังด้วยน่า… อุ๊ย! ฟังเพลงเดียวกับพ่อหนูเลย เช้ย เชย…
เฮ้ยยยย บ้าเหรอ นั่นมันเพลงโปรดผมเลยนะ Something ของ the Beatles …จริง ๆ มันก็เชยแหละ เพลงนี้อายุร่วม 40 ปี แต่ฟังทีไรก็สุขใจปลื้มปริ่ม…
Something in the way she moves.
Attracts me like no other lover,
Something in the way she woos me.
I don’t want to leave her now,
You know I believe and how.
วิวสองข้างทางจากสนามบินเข้าเมืองสต๊อกโฮลม์ไม่มีอะไรน่าสนใจ เธอยังสนทนากับผมไม่หยุดปาก ถามโน่นถามนี่ ชี้ชวนดูโน่นดูนี่ เพลงเชย ๆ ของ the Beatles ยังบรรเลงต่อไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เพลงอะไรล่ะ… อืมม The Long and Winding Road
The long and winding road that leads to your door,
Will never disappear, I’ve seen that road before.
It always leads me here, Leads me to your door.
The wild and windy night the rain washed away,
Has left a pool of tears crying for the day.
Why leave me standing here, let me know the way.
เพลงโคตรโปรดอีกเพลงของผม เพลงนี้ช่างเศร้าสร้อย โดยเฉพาะท่วงทำนองเปียโนของพอล แมคคาร์ทนีย์ทำให้ผมเงียบงันลงไปอีก… หันไป.. เธอหลับกรนคร่อกไปเรียบร้อยแล้ว…
ผมรู้จักเธอไม่นาน เราเคยบินด้วยกันสามสี่ครั้ง ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า ดูเหมือนเรามีอะไรต้องตาต้องใจกันบางอย่าง เธอชอบแวะเวียนมาพูดคุยจุ๊กจิ๊กกับผม… ทำงานอยู่ครัวหลังก็ยังแจ๋นมาครัวหน้า… ทำงานอยู่ครัวหน้าก็แจ๋นไปครัวหลัง… จะว่าไป.. พูดอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่รู้ว่าเธออ้อร้อแบบนี้กับคนอื่นหรือเปล่า ไม่ได้ตามไปบินกับเธอทุกไฟลท์นี่…
เธอน่ารักดี ตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ บาง ๆ ผมซอยสั้น หน้าตาไม่ค่อยแต่ง แต่เวลาบินก็กระแดะติดขนตาปลอมกับเค้าด้วย เธอปัดแก้มชมพูเรื่อ ๆ ปากทาลิปสติกแดงตามมาตรฐาน ส่วนคิ้วก็ไม่ได้แต่งแต้มอะไรเป็นพิเศษ เธอเคยบอกผมว่าโชคดีคิ้วคมหนาเข้มอยู่แล้ว เลยทำให้หน้าเธอดูเด่นขึ้นมาได้ ไม่ต้องเสริมเติมแต่งอะไรให้มากความ … และ SV ที่คอยตรวจตราบุคลิกภาพของลูกเรือก่อนขึ้นบินก็ไม่เคยว่า…
เหรออออออ… ชมตัวเองงี้ก็ได้ด้วย… ผมเคยกระแนะกระแหนเธออย่างนั้น…
เธอทาเล็บสี… เอ่อ เค้าเรียกสีอะไรล่ะ มันก็แค่สีมัน ๆ วาว ๆ ดูแล้วผมว่าสะอาดสะอ้าน อย่างน้อยก็ดูดีกว่าคนที่ทาเล็บสีจัด ๆ แต่หลุดร่อนกระพร่องกระแพร่งเหมือนไม่ใส่ใจดูแล ริมฝีปากเธอบางและสวย จมูกมีดั้งปานกลาง หน้าอกหน้าใจไม่ค่อยมีกับเค้า (เธอเคยบ่นลอย ๆ อยากไปทำ… ผมไม่มีความเห็นในเรื่องนี้) โดยสรุปแล้ว… ถ้าว่ากันตามมาตรฐานรสนิยมของชายไทย ผมว่าเธอไม่ผ่าน… แต่สำหรับผม… ก็ยังยืนยันว่าเธอน่ารัก ไม่สวย ไม่จิ้มลิ้ม ไม่ขาว หากแต่เป็นสีกึ่ง ๆ เหมือนคนทำกิจกรรมกลางแจ้งอยู่บ่อย ๆ และที่แน่ ๆ … ไม่รู้สิ… เธอมีเสน่ห์บางอย่างที่ผมคาดไม่ถึง
อย่างน้อย… ก็ตั้งแต่ที่ผมเห็นเธอถือหนังสือ “พิพิธภัณฑ์เสียง” ของ จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์เข้ามาในห้องบรีฟนั่นแหละ…
เคยอยากลองดีถามเธอในห้องบรีฟ ว่ารู้หรือเปล่าวันนี้เราเสิร์ฟอะไรผู้โดยสาร แต่เกรงจะทำให้เสียบรรยากาศไปเปล่า ๆ เพราะผมโคตรเชื่อมั่นว่าเธอตอบไม่ได้หรอก สู้ขึ้นไปแหงะฟอยล์ดูหน้าตาอาหารบนเครื่อง แล้วค่อยเดาเอาตอนนั้นว่ามันคือหมูหรือไก่… หรือไม่ก็ถามสจ๊วตดื้อ ๆ ง่ายกว่ากันเยอะ…
นี่ถ้าต้อง evaluate เธอเรื่อง Job Knowledge เธอคงได้แค่ 2… เชิญ contact QV ด้วยนะ…
รถบัสยังแล่นต่อไป ผมหลับ… มาสะดุ้งตื่นก็ตอนเธอสะกิด…
ลุง ๆ นั่นอะไร? โบสถ์เหรอ?
ไม่ใช่ มันคือศาลาว่าการเมืองหลังเก่าน่ะ จริง ๆ ผมอยากอธิบายมากกว่านั้น แต่ขี้เกียจน่า คนกำลังง่วง…
อ้อ… สวยจังลุง… เดี๋ยวพาหนูมาด้วยนะ…
อะไรนะ?… เดี๋ยวพาหนูมาด้วยนะ… ผมทวนประโยค แล้วก็ดึงหูฟังออกจากหูของผมและเธอ ม้วนสายเก็บ เพราะนี่ใกล้จะถึงโรงแรมของเราแล้ว…
รถบัสของเราแล่นข้ามสะพาน รถไฟที่วิ่งอยู่บนสะพานติดกันวิ่งตีคู่กันมาแล้วมุดอุโมงค์หายไป ผมหันไปมองแว่บนึง… จริง ๆ ด้วย… Stadshuset หรือศาลาว่าการเมืองหลังเก่าริมน้ำ สัญลักษณ์ของกรุงสต๊อกโฮลม์ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1923 ในยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อน ๆ แบบนี้ช่างสวยงามจับใจ
ผมมาสต๊อกโฮมล์กี่ครั้งคร้านจะนับ ได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองมาแล้วในทุกโอกาส หนาว ร้อน ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง ฯลฯ มาทีไรหากไม่ขี้เกียจจนคร้านจะลุกออกจากเตียง ก็จะหาโอกาสมาเดินเล่นชิลล์ ๆ แถวนี้ เวิ้งอ่าวที่นี่สวยและสงบ ผมมักได้ไอเดียอะไรดี ๆ กลับมาเขียนลงเว็บไซต์ thaicabincrew.com หรือในเฟสบุ๊ค thaicabincrew community อยู่บ่อย ๆ
แต่ครั้งนี้… วันที่ผมคาดว่าจะมีเธอมาเดินอ้อร้อเคียงข้าง ผมชักไม่แน่ใจ… ว่าจะได้อะไรกลับไป คิดแล้วก็อ้างว้าง ดูเหมือนความเหงาจะเข้ามาเกาะกุมหัวใจของผมอีกแล้ว
รับกุญแจห้องเสร็จสรรพ เธอกับเพื่อน ๆ แพลนไปนั่งเมาท์กินอาหารเช้ากันต่อ ส่วนผมไม่ไหวแล้ว ทำเนียนขึ้นไปนอนเลยดีกว่า ลากกระเป๋า… กำลังจะก้าวเท้าข้างขวาเข้าลิฟท์…
ลุง ๆ ๆ เจอกันกี่โมงดี…
หา… อะไรนะ…
หนูถามว่าเราจะเจอกันกี่โมง?
เรา?
อือ เรา…
อ้าวแล้วเพื่อน ๆ หนูล่ะ?
ไม่มีใครไป
แล้วหนูจะไปไหน?
ก็ไปเที่ยวไง เดินเล่น… หนูให้ลุงนอนถึงบ่ายสองเลย
เฮ่อ… ไม่รู้จะตื่นไหวรึเปล่า…
อย่าเล่นตัวน่ะลุง ถ้าหนูเคยมาแล้ว หนูจะไม่ง้อลุงเลย รู้รึเปล่า? ว่านี่หนูอุตส่าห์แลกมาบินกับลุงนะ…
โห ๆ ๆ ๆ คำว่า “แลกมาบินกับลุง” ช่างมีอานุภาพ ไม่รู้ว่าเธอตอแหลผมหรือเปล่า แต่ผมรู้ว่าการแลกมาบินด้วยกันปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยมีกฎ กติกาของบริษัทกำกับหยุมหยิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชั่วโมงบิน เวลาพัก แบบของเครื่อง ตำแหน่งของลูกเรือ ค่าเสียหายจากค่าล่วงเวลา ฯลฯ นี่ไม่นับฝั่งลูกเรือเองที่มีการ ลด แหลก แจก แถม เพื่อให้ได้บินไฟลท์ที่ตัวเองต้องการ เอาเป็นว่า… โดยรวม ๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่แฟนกัน กำลังจีบกัน หรือเป็นคู่ผัวตัวเมียที่ต้องผลัดกันเลี้ยงลูก ก็ต้องใช้ความพยายามและทุ่มเททั้งเงินและแรงกายไม่น้อยสำหรับการแลกแต่ละครั้ง การแลกตารางบินเพื่อไปบินกับใครซักคนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เล่น ๆ เหมือนเมื่อก่อนซะแล้ว…
แล้วผมจะใจไม้ไส้ระกำกับสาวน้อยที่อุตส่าห์แลกมาบินกับผมได้อย่างไร…
ผมลงมาตามเวลานัด… เธอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว… ดีและ เดี๋ยวจะพาเดินให้เข็ด…
เธอแต่งตัวทะมัดทะแมง กางเกงยีนส์สีเข้ม เสื้อยืดคอวีสีขาว สกรีนบนหน้าอกเป็นลายวงนักร้องวัยรุ่นที่ผมไม่รู้จัก ที่ไหล่สะพายกระเป๋าผ้าทำมือที่เอาเศษผ้าลายโน้นลายนี้มาต่อกัน ดูเผิน ๆ ยังกะผ้าขาวม้า (เธอโม้ว่าหอบหิ้วมาจากหมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราชโน่น) ที่คอห้อยกล้องดิจิตอล Fuji รุ่น X-A2 ถุงเท้าแค่ข้อ และสวมรองเท้าผ้าใบ converse รุ่นยอดนิยมที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นสีขาว ข้อมือคาดนาฬิกา Rolex รุ่น Datejust เรือนเล็ก ๆ ขลิบทอง ผมเห็นแล้วบอกให้เธอถอดเก็บใส่กระเป๋าซะ จะบ้านเมืองไหนก็ตาม การใส่ของมีค่าล่อตาล่อใจไปในแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนเยอะ ๆ ไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก มันเสี่ยงจะเจ็บตัวและเสียของโดยใช่เหตุ…
เราเดินไปตามถนน Gotgatan ที่ทอดตรงยาวจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่ Gamla Stan หรือเกาะเมืองเก่าจุดหมายของเราในวันนี้…
ลุง ๆ
ไรเหรอ?
อากาศดีจัง…
ใช่ มันจะเป็นแบบนี้ไม่กี่เดือน
ดูสิคนออกมาเดินเล่นกันเต็มไปหมด บรรยากาศดี ๆ แบบนี้น่ามากับคนรักเนอะลุงเนอะ…
หืมมม….
ผมหันไปมองเธอ แต่เธอทำหน้าเหรอหราไม่รู้ไม่ชี้… เราหยุดแวะกินข้าวเที่ยงที่จัตุรัส Medborgarplatsen เธอสั่งสลัดผักหญ้าหน้าตาไม่น่ากินที่โรยด้วยชีสและมีแซลมอนแปะหน้ามา 2-3 ชิ้น ส่วนผมจะสั่งแหนมกับถั่วมาแกล้มเบียร์ก็ใช่ที่ เลยสั่งเฟรนซ์ฟรายนี่แหละง่าย ๆ เธอบ่นว่าลุงสั่งอะไรมากินก็ไม่รู้ ดูไม่ดีต่อสุขภาพเลย….
อร่อยไม๊? ผมถาม เมื่อเห็นเธอใช้ส้อมเขี่ยผักไปมา
ไม่อร่อยเลยลุง เค็ม…
สม…
เดี๋ยวเหอะ
กิน ๆ ไปเหอะ เดี๋ยวมื้อเย็นพี่พาไปร้าน Thai Boat ร้านเค้าเปิดเฉพาะหน้านี้ เพื่อนรุ่นน้องลูกเรือ SAS เคยพาพี่ไปกินครั้งนึง อาหารรสชาติดี และบรรยากาศดีเหมาะกับการกินกับคนรักเลย… เอ่อ… พี่หมายถึงถ้าหนูมากับคนรักน่ะนะ เชอะ…
สิ้นเสียงเชอะ… ผมเห็นเธอเบือนหน้าแอบไปอมยิ้ม… ผมก็แอบอมยิ้มเหมือนกัน แต่เธอไม่เห็นหรอก…
สุดปลายถนน Gotgatan เป็นเนินสูงมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบ ด้านซ้ายเป็นเวิ้งอ่าวลึกเข้าไป ท้องฟ้าสีสดแซมด้วยเมฆสีขาวสะท้อนกับน้ำทะเลสีฟ้าสวยดั่งในเทพนิยาย ในท้องน้ำมีเรือนักท่องเที่ยว 2-3 ลำ เรือใบสีขาว และเรือยอร์ชลำเล็ก ๆ มุมใกล้คือ Stadshuset ที่ตั้งตระหง่านโชว์หอคอยที่ก่อด้วยอิฐสีแดง ไกลออกไปตามลาดเชิงเขาเป็นเมืองและบ้านเล็ก ๆ เกือบสุดอ่าวด้านนี้คือที่ตั้งปราสาท Drottningholm ปราสาทสวยที่ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก …
คราวหน้าไปกันนะลุง… เธอบอกกับผมอย่างนั้น…
ข้างหน้าคือ Gamla Stan หรือย่านเมืองเก่า มองเห็นยอดโบสถ์ Storkyrkan อายุกว่า 700 ปีและพระราชวังหลวง (Kungliga Slottet) ด้านขวาเป็นเกาะแก่งและอ่าวสต็อกโฮลม์ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ผมและเธอยืนสูดอากาศบริสุทธิ์และมองวิวทิวทัศน์ที่เห็นอย่างตื่นตาตื่นใจ ลมวูบหนึ่งพัดปอยผมเธอจนปรกเกะกะบนใบหน้า ถ้าเป็นวันหน้าผมอาจอาสาจัดระเบียบสังคมให้ และแอบคิดว่าคงจะดี ถ้าเราได้ยืนใกล้ ๆ และแนบชิดกันมากกว่านี้… อืมมม.. ก็ได้แต่คิดนะ ผมไม่กล้าบอกเธอหรอก…
เรามุ่งหน้าสู่ย่านเมืองเก่า ลัดเลาะเข้าไปในตรอกซอกซอยเล็ก ๆ จนไปโผล่ที่ จัตุรัส Stortorget จุดศูนย์กลางของเมือง รอบจัตุรัสเต็มไปอาคารสำคัญ ๆ ทางประวัติศาสตร์ ด้านหนึ่งคือร้านกาแฟและร้านอาหารที่มีนักท่องเที่ยวนั่งดื่มกินกันคึกคัก อากาศเย็น ๆ สบาย ๆ อย่างนี้มีบริการแจกผ้าห่มให้ลูกค้าด้วย ดูแล้วตลกดี
ทิศเหนือของจัตุรัสคือตลาดหุ้นและพิพิธภัณฑ์รางวัลโนเบล หน้าอาคารมีนักท่องเที่ยวมุงชมวงออร์เคสตร้าเล็ก ๆ ที่กำลังเล่นเพลงเชย ๆ อยู่พอดี…
Yesterday all my troubles seemed so far away.
Now it looks as though they’re here to stay.
Oh, I believe in yesterday.
Why she had to go, I don’t know, she wouldn’t say.
I said something wrong, now I long for yesterday.
เพลงเชย ๆ วงเชย ๆ ของลุงนี่ที่ไหนก็เล่นเนอะ… เธอพูดจริง.. พูดเล่น… หรือตั้งใจก็ไม่รู้ แต่เราก็ยืนฟังกันจนจบเพลงนั่นแหละ…
ตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ของเกาะเมืองเก่าเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เราหยุดถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้ ดูเหมือนเธอจะชอบไปหมดไม่ว่ามุมไหน ตรอกตรงนั้นก็เก๋ ประตูตรงนั้นก็เท่ บันไดตรงนั้นก็น่าถ่ายรูป ร้านกาแฟตรงนั้นก็สวย หนุ่มน้อยหน้ามนคนทำแพนเค้กคนนั้นก็หล่อ ร้านอาหารตรงนั้นก็น่านั่ง ฯลฯ… ไม่น่าเชื่อว่าเวลาช่างผ่านไปเร็ว เราใช้เวลาเดินเล่นบนเกาะเมืองเก่าแห่งนั้นกว่า 2 ชั่วโมง
ผมเดินจนเมื่อย… ในใจลึก ๆ คิดว่าเราน่าจะกลับโรงแรมได้แล้ว พรุ่งนี้สาย ๆ ก็ต้องทำงานกลับกรุงเทพ และผมยังมีธุระโน่นนี่ต้องทำอีกเยอะ แต่อีกใจก็อยากใช้เวลากับเธอแบบนี้ไปนาน ๆ
ผมพาเธอเดินผ่านเมืองเก่าเข้าไปยังย่านช้อปปิ้ง ตึกห้องสุดท้ายขวามือปลายถนนคนเดิน Drotnninggatan คือร้านขายนาฬิกาแบรนด์เนมราคาแพง ที่ครั้งหนึ่งลูกเรือแห่มาซื้อเหมือนแจกฟรี เธอแวะซื้อของในซุบเปอร์ฯ ฝากคนทางบ้าน ส่วนผมยืนรอด้านนอก และแอบสูบบุหรี่พ่นควันโขมงโฉงเฉง ผมเลิกสูบบุหรี่มาสิบกว่าปีแล้ว แต่ในบรรยากาศดี ๆ ครึ้มอกครึ้มใจแบบนี้… สูบซักตัวสองตัวคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั๊ง
เดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึง Stadshuset หรือศาลาว่าการเมืองหลังเก่า แม้จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกันคึกคัก แต่น่าแปลกที่ยังคงความสงบและขรึมขลังอยู่ได้ เมื่อเราถ่ายรูปกันจนหมดมุม ก็ชวนกันนั่งพักผ่อนที่บันไดท่าน้ำ ดื่มด่ำกับบรรยากาศและอากาศดี ๆ ตรงหน้า ควักหนังสือออกมาคนละเล่ม… แอบทึ่ง… และแปลกใจ ที่เธอพกหนังสือใส่มาในกระเป๋าลายผ้าขาวม้าใบนั้นด้วย…
ก็หนังสือ “พิพิธภัณฑ์เสียง” ของ จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์ที่ผมเคยเห็นเธอถือเข้ามาในห้องบรีฟนั่นแหละ… ขี้คร้านจะแซว พกมากี่ไฟลท์แล้วอ่านไม่จบซักที…
ช่วงหนึ่ง… เธอปิดหนังสือ และเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ…
ลุง…
อะไร?
ตำแหน่งขากลับน่ะ ลุง assign รึยัง?
ยังเลย ทำไมเหรอ?
ลุงหรือพี่ IM เป็นคน assign ?
พี่เอง ทำไมล่ะ?
อย่าให้ห่างกันเหมือนขามานะลุง…
เราพากันเดินกลับ… ที่ตั้งใจจะไปร้าน Thai Boat ขอยกยอดไปคราวหน้า… say good bye แยกย้ายกันเมื่อถึงโรงแรม ถึงห้องพักแล้วผมหยิบ briefing chart มาดูก่อนเลย โทรหาพี่ IM (Inflight Manager) และขออนุญาตพี่แกดื้อ ๆ ว่าผมขอ assign ขากลับนะ อยาก evaluate น้องแอร์คนนึง… เมื่อพี่แกไฟเขียว ผมก็จับปากกาขึ้นมา assign ตำแหน่ง ให้เธอสลับจากฝั่ง R มาเป็น X4L นั่งประจันหน้ากับผมทั้งช่วงเครื่องบินขึ้นและบินลง… ช่วยเดินรถ drink… ช่วยเดินรถอาหาร… และช่วยผมเข็นรถสินค้ายกเว้นภาษีออกไปขายด้วย…
อย่าให้ห่างกันเหมือนขามานะลุง…
อย่าให้ห่างกันเหมือนขามานะลุง…
อย่าให้ห่างกันเหมือนขามานะลุง…
มันอาจจะเร็วเกินไป ที่ผมจะอาจหาญเรียกมันว่าความรัก แต่เมื่อจบไฟลท์นี้… ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้เธออยู่ห่างผมอีกแล้ว… ไม่ว่าจะบนเครื่องหรือในชีวิตจริง…