มอสโคว์ 24 ชั่วโมง กับสเต็กเนื้อดี ๆ

เครื่องลงที่สนามบินนานาชาติโดโมเดโดโว่*… พวกเราใช้เวลานั่งรถบัสเข้าเมืองกันอย่างสะบักสะบอมมากกว่าสองชั่วโมง หรือ 3-4 ชั่วโมงหากหิมะตก และหากเหลือบตาขึ้นมาเห็นอาคารขนาดใหญ่ที่สร้างในยุคสตาลิน ซึ่งปัจจุบันคือโรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาวหลังนี้ ก็สบายใจได้ว่าอีกราวสิบห้านาทีก็ถึงโรงแรมของเราแล้ว

โรงแรมที่เราพักอยู่ในกลุ่มอาคาร World Trade Center (WTC) ใหญ่โตหรูหราตามสมควรอย่างที่ควรจะเป็น มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ที่หน้าประตูโรงแรมมีเครื่อง x-ray กระเป๋าเหมือนที่ใช้กันในสนามบิน ข้าวของลูกเรือที่โดนตรวจและถูกยึดเป็นประจำไม่ใช่อาวุธชีวภาพหรืออาวุธร้ายแรงใด ๆ หากคือหม้อไฟฟ้าพกพายี่ห้อซันโย ที่รู้จักกันในนามหม้อหญิงใหญ่หรือหม้อนางฟ้า หน้านี้อากาศดีอาจไม่มีใครพก แต่ในหน้าหนาวออกไปหาอะไรกินลำบาก การมีหม้อไฟฟ้าพกพาเผื่อไว้ทำโน่นนิด อุ่นนี่หน่อยในห้องเป็นอะไรที่อุ่นใจ เพียงแต่มันผิดกฎของโรงแรมเกือบทุกข้อเท่านั้น

กว่าจะถึงโรงแรมก็ราวเที่ยงคืนเวลาบ้านเราเข้าให้แล้ว ถ้าเป็นไฟลท์ขีด* ก็แล้วไป พวกเราอาจบ๊ายบายร่ำลาเพื่อมาเจอกันสบาย ๆ ในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่สำหรับไฟลท์ดมหมอน* แบบไฟลท์ของฉันเที่ยวนี้ อยากทำอะไรต้องรีบทำจะมามัวลีลาไม่ได้ ลูกเรือบางท่านขอตัวขึ้นไปนอนหลับพักผ่อน ส่วนฉัน และน้องแอร์ร่วมไฟลท์อีก 3 คนตกลงเจอกันที่ห้องอาหาร Real Food Restaurant (RFR) ในโรงแรม ด้วยเมาท์ต่อ ๆ กันมาว่ามีของดีให้รับประทาน และลดค่าอาหารให้เราตั้ง 50%

จะว่าไป ฉันไม่หิวเท่าไหร่ เพราะได้อะไรรองท้องมาบ้างแล้วจากบนเครื่อง แต่เรื่องของเรื่องคือนัดหมายกับน้อง ๆ ร่วมไฟลท์มาล่วงหน้าแล้วจากกรุงเทพ ถ้าขืนเบี้ยวหน้างานคงโดนด่ายับ และอันที่จริง ฉันก็อยากดื่มเบียร์เย็น ๆ ซักแก้วก่อนนอน ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แก้วเดียวมันพอที่ไหนกันเล่า

RFR เป็นร้านอาหารหรูหรา และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของมอสโคว์ พวกเราพบกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วบริกรก็นำไปที่โต๊ะ ต่างคนต่างสั่งเครื่องดื่มตามชอบ ฉันสั่งเบียร์โลคัลยี่ห้อ Zhiguli แก้วละ 360 รูเบิล* ตามที่บริกรแนะนำ จากนั้นสั่ง Asparagus Beef Roll with Mustard Sauce ราคา 840 รูเบิลมากินเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรก ตามด้วยซุปต้มยำร้อน ๆ ราคา 750 รูเบิล หน้าตาเหมือนซุปธรรมดาทั่วไป แต่อุตส่าห์มีมะนาวมาให้ 1 ซีก และน้ำพริกเผาใส่จานเล็ก ๆ มาให้ด้วย

ทั้งสองจานรสชาติพอรับประทานได้ หรือฉันเริ่มหิวจนหน้ามืดตาลายแล้วก็ไม่รู้

มาถึงอาหารจานหลัก ฉันสั่งสเต็กเนื้อสันใน (Fillet Mignon) แบบกึ่งสุกกึ่งดิบ (medium rare) ราคาที่ละ 1,460 รูเบิล คิดเป็นเงินไทยกลม ๆ คือ 870 บาท ส่วนซอสสั่งมาเป็นถ้วยตะไลเล็ก ๆ ถ้วยละ 70 รูเบิลทั้ง BBQ sauce, Pepper sauce และ Jack Daniel’s sauce* รสชาติพอดูได้ทั้ง 3 อย่าง

พีคที่สุดตอนพนักงานเสิร์ฟนำสเต็กมาวาง ซึ่งนั่นทำให้ฉันตกใจกับขนาดของมันแทบตกเก้าอี้… และอดอุทานในใจไม่ได้มันจะเล็กไปไหน เอิ่ม.. สเต๊กขนาด 100 กรัมมันก็ขนาดเท่ากำปั้นเด็ก 2 ขวบเท่านั้น

ผิดหวัง… ฉันจึงเปิดไวน์แอฟริกาใต้ Redhill Pinotage ปลอบใจเพื่อนร่วมโต๊ะและแบ่งกันดื่มกันคนละแก้วสองแก้วเป็นอันปิดงาน สรุปว่าจะรับประทานพอรู้สึกเชิญร้านนี้ไม่ต้องออกไปไหน แต่ถ้าตั้งใจจะกินกันให้อิ่มหรือเมาแหลกลาญ ฉันแนะนำร้านอื่น… ร้านอาหารเกาหลีหน้าโรงแรมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โอเคนะ

*สนามบินโดโมเดโดโว่ ห่างจากใจกลางกรุงมอสโคว์ราว 40 กิโลเมตร (กรุงเทพ-นครปฐม) เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็นสนามบิน Mikhail Lomonosov ตามชื่อของนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียเมื่อเร็ว ๆ นี้
*ไฟลท์ขีด คือไฟลท์นอนนิ่ง ๆ ที่สถานีปลายทาง หนึ่งขีดคือ 24 ชั่วโมง
*ไฟลท์ดมหมอนหรือไฟลท์รอบเตียง คือไฟลท์ถึงวันนี้กลับพรุ่งนี้
*รูเบิล 1 รูเบิล = .60 สตางค์โดนประมาณ
* Jack Daniel’s sauce ซอสสเต็กที่มีส่วนผสมของเหล้า Jack Daniel เป็นหลัก คลุกเคล้าด้วยน้ำตาลทรายแดง ซอสมะเขือเทศ น้ำส้ม ซอส Worcestershire และ ฯลฯ บางตำรับใส่น้ำผึ้งด้วยก็ว่ากันไป ทีผัดกะเพราคุณยังใส่ข้าวโพดอ่อนได้นี่หว่า