นี่คือสัจธรรม จากอาชีพที่เคยเฟื่องฟูติดอันดับ ลูกเรือเคยมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ซื้อรถซื้อบ้านด้วยเงินสด บางคนสะสมสมบัติบ้ามากมายไว้คุยโม้โอ้อวด บัดนี้กลายเป็นช่วงขาลงแล้วพี่น้อง.... แต่ละเดือน กว่าจะเก็บหอมรอบริบได้เงินหมื่นสองหมื่นก็เล่นเอาหน้ามืด คนที่เคยมือเติบมือโต บัดนี้เริ่มเอาของเก่าออกมาเลหลังกันแล้ว (ดูได้จากบอร์ดซื้อขายของลูกเรือที่ติดฝากขายกันเต็มกระดาน) ....อันของเก่าที่ว่าหมายถึงรถและบ้านนะครับ อย่าคิดไกลเป็นอื่น...
ก็อย่างที่จ่อหัวไว้ว่าเรื่องนี้ไม่มีสาระอะไร เครื่อง 777-300 รุ่นขับไล่ผู้โดยสารของเรามาถึงสนามบินนาริตะในตอนเช้าตรู่ ลงมาก็เจอฝนตกหนักอุณหภูมิอยู่ที่ 20 เศษๆ เมื่อขึ้นรถรับส่งลูกเรือจากสนามบินมาโรงแรม ผมก็หลับคอพับคออ่อนจนมาถึงโรงแรมเมื่อไหร่แทบไม่รู้ตัว

เช๊คอินเสร็จผมก็ขอสายแลนจากโรงแรม ขึ้นห้องก็ออนไลน์แป๊บนึง แล้วก็ปิดม่านรีบนอนไม่อาบน้ำกันล่ะ เพราะมีนัดกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ร่วมไฟลท์ตอนบ่ายโมง มีเวลานอนสองสามชั่วโมงเอง ก่อนนอนเลยถ่ายภาพซะหน่อย จะเห็นว่าท้องฟ้าขมุกขมัวฝนตกพรำๆ ตลอดเวลา มีน้องคนนึงบอกผมบนไฟลท์ว่าตั้งใจจะไปเดินเล่นถ่ายรูปที่วัดนาริตะซัง ผมก็แบ่งรับแบ่งสู้อาจจะเดินไปเป็นเพื่อน แต่พอเห็นสภาพอากาศแบบนี้แล้วเธอถึงกับถอดใจไปเลย ก็ดีเหมือนกันเราไม่ได้มีเวลามากมายถึงกับไปเดินอ้อล้อแบบนั้้นได้

เปิดหน้าแรกของเว็บ TCC โหลดเร็วมาก แต่ถ้าหน้าบอร์ด กว่าจะเปิดได้แต่ละหน้าต้องรอกันเป็นวัน เพื่อนๆ สมาชิกอยู่ทีไหน เปิดเว็บไซต์แล้วมีอาการอย่างไร เราจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงหากแจ้งผลการรับชมเว็บไซต์มาให้เรารับทราบบ้าง
รถ shuttle bus ของโรงแรมตอนนี้ไม่แวะรับลูกเรือสิงคโปร์ที่โรงแรม Port (Washington เก่า) อีกแล้ว เที่ยวที่ออกจากโรงแรมตอนบ่ายโมงจึงวิ่งตรงสู่ห้างอิออนเลยไม่เสียเวลา แต่สจ๊วตไทยบ่นเสียดายกันใหญ่ไม่มีแอร์สิงคโปร์หน้าตาหมวยๆ แขกๆ เดินขึ้นมาให้เรากดคะแนน อิอิ... โดยรวมๆ เค้าสวยสู้แอร์ไทยไม่ได้หรอกนะครับ แต่ถ้าพูดถึงความเนี้ยบนี่ต้องเรียกว่าหนังคนละม้วนกันเลยทีเดียว

ก็เดินกันไปสองชั่วโมงยังเหลือๆ ของที่ผมจับจ่ายซื้อส่วนใหญ่เป็นของในซุบเปอร์ ซึ่งก็เป็นของที่ชาวบ้านฝากซื้อ-ซื้อฝากทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นของในร้านร้อยเยน หรือร้านไดโซ่นั่นแหละ แม้ว่าของจะเหมือนกันเด๊ะๆ กับไดโซ่ตามห้างที่กรุงเทพแต่ราคาถูกกันกว่าครึ่ง (บ้านเราขายชิ้นละ 65 บาทที่นี้ 100 เยนหรือเท่ากับ 35 บาทเท่านั้น)
ร้าน 100 เยนมีตำนานเล่าขานเยอะ โดยเฉพาะในเรื่องที่ของส่วนใหญ่ที่เราซื้อไปมักไม่ค่อยได้ใช้ ท้ายสุดก็กลายเป็นขยะที่ซุกอยู่ด้านในสุดของตู้เก็บของ ในภาพจะเห็นสาหร่ายคอมบุและวากาเมะ อันนี้ของคุณนายผมเอง ชาเขียวนั่นของน้องสาว ลูกอมรสไฟนั่นของพ่อ ส่วนถุงมือที่เห็นนั่นเครื่องมือหากินของสจ๊วตอยู่แล้ว ดังนั้นใครที่ลือกันว่ากำแหงหาญเป็นอินไฟลท์เมเนเจอร์หรือเพอร์เซอร์แล้วนั้นขอบอกว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอย่างแรง กำแหงหาญก็เป็นแค่่สจ๊วตเฒ่าคนหนึ่งที่ยังต้องยัดอาหารวันล่ะนับร้อยคอตใส่ cart ไปอีกนานเท่านาน

ส่วนเบียร์นี่ของผมเอง.... ไม่พลาดอยู่แล้ว
................................
ขออนุญาตลงไปกินบุฟเฟต์ข้างล่างก่อนเพราะใกล้ถึงเวลานัดเต็มที เสร็จเรียบร้อยแล้วถ้ายังไม่ง่วงนอนจะเอารูปดีๆ มาให้ชมกันต่อ
มีต่อ... แต่ไม่รู้เมื่อไหร่