ที่จริงเชียงใหม่ก็พอมีร้านเค้กอร่อยๆ ให้ชื่นใจอยู่บ้าง บางร้านก็อร่อยจริง บางร้านก็ตั้งชื่อเก๋ไก๋เข้าไว้เดี๋ยวก็มีพวกมาจากต่างเมืองหลงเชื่อแห่ไปกินกันเป็นแฟชั่นทั้งที่ฝีมือจริงๆ น่ะไม่เท่าไหร่ สมน้ำหน้า ห้าห้าเอิ๊กเอิ๊ก ยิ่งเทียบกับร้านที่จานจะแนะนำต้องขอบอกว่าฝีมือห่างกันไม่เห็นฝุ่น
ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่จึงมีร้านกาแฟมากมายเรียงรายทุกตรอกซอกซอย ของที่คู่กันกับชากาแฟก็คือขนมเค้กหรือคุกกี้ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนสักนิดนึง ร้านเบเกอรี่หรือร้านขายขนมปังและร้านขายเค้กปกติจะแยกกันอย่างสิ้นเชิง แต่บ้านเราคำว่า เบเกอรี่ คือทำทุกอย่าง บางที่มีเสริฟกระทั่งของคาวอย่างอาหารจานเดียวด้วยซ้ำ ถ้าเป็นในยุโรป ร้านขนมปังจะขายเฉพาะขนมปัง ถ้าอยากทานขนมเค้กหรือของหวานพร้อมชากาแฟจะต้องไปร้านเค้กหรือร้านกาแฟเท่านั้น อย่างเวียนนาถ้าใครไป Wiener Cafe จะติดใจในรสชาติของกาแฟหอมกรุ่นและขนมเค้กแสนอร่อย พนักงานที่นั่นก็ดีใจหาย สั่งเค้กมาชิ้น สั่งกาแฟมาเหยือกก็ปล่อยให้นั่งเอ้อระเหยได้ทั้งวัน แถมตกเย็นยังมีเปียโนมากฝีมือเล่นให้ฟังฟรีๆ ซะอีก
ร้านกาแฟดีๆ มีเยอะเพราะไม่ต้องวุ่นวายอะไรมาก แค่หาเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีมาอบ มาบดเข้าก็จบแล้ว แต่จะให้มีเค้กอร่อยด้วยนี่หายากเต็มที เพราะคนทำเค้กมือระดับพระกาฬหากันไม่ได้ง่ายๆ คนที่เก่งจริงๆ ในโรงแรมระดับห้าดาวต้องผ่านหลักสูตรเบเกอรี่ระดับ advance เพราะถือว่าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ใช่มีเตาอบหรือเครื่องกวนแป้งเข้าหน่อยก็คุยโม้โอ้อวดซะจนใครๆ เข้าใจผิดว่าเป็นปรมาจารย์ทางเบเกอรี่ ซึ่งร้านจำพวกนี้มีมากเหลือเกินในเชียงใหม่ ห้าห้าเอิ๊กเอิ๊ก
จานค้นพบร้านนี้เข้าเพราะเป็นธุระนำแขกของมหาลัยเข้าพักที่โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ลดาราเทวีที่เค้าสร้างเลียนแบบวัดซะใหญ่โต นั่นล่ะจึงมีโอกาสเข้าไปชมในส่วนของห้องพักที่เป็น privacy zone ขากลับไหนๆ แล้วเลยเข้าไปในกาดดาราหรือส่วนร้านค้าหน้าโรงแรมที่จัดบรรยากาศคล้ายตลาดเก่า ... ก็รู้สึกดีและรู้สึกเศร้าไปพร้อมๆ กัน รู้สึกดีคือได้เห็นบรรยากาศเก่าๆ ที่จานได้แต่เคยเห็นในรูปถ่าย และรู้สึกเศร้าด้วยเสียดายวันเก่าๆ ครั้งที่เวียงเชียงใหม่ของเรายังมี เจ้า มี วัฒนธรรม มีความเป็น ล้านนา และยังมี อะไรๆ อันเป็นความภาคภูมิใจของเราเอง ซึ่งปัจจุบันนี้มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...

ร้านเค้กที่ว่าเรียบง่ายแต่ตกแต่งดูดีมีรสนิยม เหมาะสำหรับผู้ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและความยุ่งเหยิงของชีวิต

อย่างจานบางทีปวดหัวมากมายกับอาการเจี๊ยวจ๊าวของนักศึกษาสาวๆ จนทนไม่ไหว ก็ต้องขับรถจากมหาลัยมาสงบสติอารมณ์ด้วยการจิบชาร้อนที่มีกลิ่นหอม ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นใบชาซีลอนล้วนๆ และแบบที่ผสมกลิ่นผลไม้ ดื่มแล้วชื่นใจเป็นอันมากเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้ในสวนสวรรค์แห่งอีเดนยังไงยังงั้น ห้าห้าเอิ๊กเอิ๊ก

แต่ที่อยากแนะนำจริงๆ คือบรรดาขนมเค้กและช็อคโกแล็ตที่ทั้งหมดมาจากจินตนาการอันล้ำลึก ผสมผสานกับวัตถุดิบอันวิเศษจนกลายเป็นเค้กที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ชิ้นที่จานชิมแล้วติดใจก็คือ Almond Dacquoise, Apricot Jelly, Pistachio Mousse ชื่อเค้ายาวจริงๆ แต่เป็นเค้กที่เห็นแล้วปิ๊งทันที ตัวเนื้อเค้กเป็นอัลมอนด์ให้ความมันไม่หวานจัดจนเลี่ยน ตัดชั้นแรกด้วยเยลลี่แอปปริคอดที่มีรสเปรี้ยว ตามด้วยเนื้อเค้กอัลมอนด์หนึ่งชั้น โปะหน้าด้วยมูสที่มีส่วนผสมของถั่วพิชตาชิโอเคียงด้วยลูกแอปปริคอดเชื่อม เวลากินต้องตัดกินเป็นแนวดิ่งจะกวาดส่วนผสมได้ทุกชั้นทุกรสชาติพร้อมๆ กัน

อย่าลืมสั่งชาผลไม้ four red fruits มาดื่มตัดความหวานมันของเค้ก รับรองว่ามันจะทำให้ยามบ่ายที่แสนง่วงเหงากลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาสดใสขึ้นมาทันที ยิ่งมากับคนรักหรือแอบมากับกิ๊กนี่ขอบอกว่าสุขจริงๆ ให้ดิ้นตาย ห้าห้าเอิ๊กเอิ๊ก

ที่จานเน้นเป็นพิเศษคงเป็นเรื่องราคา เพราะทราบมาว่าสมาชิก thaicabincrew ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาลัย หรือไม่ก็เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ยังไม่มีเงินเป็นถุงเป็นถังให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ต้องห่วงครับ เพราะค่าเสียหายที่นี่รับได้ไม่เล่นกันหัวแตกเหมือนเบเกอรี่ในโรงแรมบางแห่ง ชาเหยือกละ 40 บาท เค้กทั่วๆ ไปชิ้นละ 80 บาทเท่านั้น พนักงานบริการก็สดใสน่ารักและเป็นมืออาชีพ ใครไปไม่ถูกเรียกแท็กซี่มิเตอร์โลด โรงแรมโอเรียนเต็ลดาราเทวีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถววัดบวกครกหลวงทางไปสันกำแพงนี่เอง
เรื่องและภาพโดยจานชวาล