
Life of Thai Crew: เที่ยวเวนิสกับลูกเรือไทยและใครซักคนที่หม้อๆ
เรื่อง+ภาพ+คลิปโดย กำแหงหาญ
.........................
ตามที่กล่าวไว้ตอนที่แล้ว หากลูกเรือรุ่นลุงป้าคนใดเคยบินไฟล์ทมิลานที่มีวันหยุดพักผ่อนนิ่งๆ 2 วันซักครั้งหนึ่งแล้ว มักยอมให้ลูกเรือเด็กๆ แลกสเก็ตมาบินแทน ก็แรกๆ ที่เราบินยุโรป อาจตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศเท่ๆ เก๋ๆ ของบ้านเมืองที่แปลกหูแปลกตา แต่บ่อยเข้าก็มักลงความเห็น (กันเอง) ว่ายุโรปเมืองไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น
...ก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง โดยเฉพาะมิลานที่มีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นน้อยเหลือเกิน นอกจากปราสาทสฟอร์เซสโก้ (Castello Sforzesco) มหาวิหารดูโอโมและภาพวาดบนผนังปูนเปียก the Last Supper ของดาวินชี่ในโบสถ์ซานตา มาเรีย เดลเล กราซี (Santa Maria delle Grazie) แล้ว ก็เห็นมีแต่ร้านสินค้าแบรนด์เนมบนถนน Montenapoleone เท่านั้นที่พอจะดึงดูดลูกเรือนักช้อปได้บ้าง
.........................
ถ้าไม่ติดเรื่องเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับกันเต็มๆ ผมก็ใช่จะอยากไปนักหนา แต่เอาเถอะ ไหนๆ มาแล้วจะมัวนั่งจับเจ่าอยู่ในห้องโรงแรมก็ยังไงอยู่ ลูกเรือเด็กๆ ที่ยังมีไฟอยู่จึงนัดกันไปเที่ยวตั้งแต่เครื่องบินยังไม่ทันแตะพื้น ...และความคิดเห็นของแต่ละคนก็โคตรหลากหลาย บางคนนัดกันไปเดินช้อปปิ้งทั้งสองวันด้วยมีโพยสั่งซื้อของยาวเหยียด บางคนอยากช้อปปิ้งในเมืองวันแรก ไปเวนิสวันที่สอง และไปทะเลสาบ (ซึ่งมี 2 ทะเลสาบ โคโม่หรือแมคโจเร่) วันที่สาม บางคนอยากไปทะเลสาบวันแรก ช้อปปิ้งวันที่สอง และไปเวนิสวันที่สาม บางคนจะไปเวโรนาวันแรกแล้วกลับมาเที่ยวทะเลสาบ ส่วนวันที่สองทะลึ่งอยากไปดูรูปสลักเดวิดถึงฟลอเรนซ์โน่น ส่วนวันสุดท้ายค่อยช้อปปิ้งในเมือง ฯลฯ มากคนก็ยิ่งมากความ ผมฟังน้องๆ ลูกเรือนัดกันไปเที่ยวแล้วปวดหัว คิดในใจว่าแล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะลงตัวซักที (วะ)...
เรื่องมันจบลงตรงที่ทุกคนหันมาถามผม ด้วยไฟล์ทนี้ถ้านับจากกัปตันลงมาแล้วผมอาวุโสสุด และรู้กันทั่วลำว่าไฟล์ทนี้ผมไม่ได้มาเดี่ยว หากมากับ “จุ่น” เพื่อนคนนอกที่นั่งกระดิกตีนจิบไวน์แดงอยู่บนที่นั่งด้านหน้าในชั้น Business Class โน่น ผมคิดในใจว่าโคตรเซ็งเลย กูอยากไปเที่ยวกับเพื่อนสองคนมากกว่า เหตุที่คิดอย่างนี้ไม่ใช่รังเกียจเพื่อนร่วมงาน หากแต่มีประสบการณ์ไม่ดีกับการเที่ยวเป็นกลุ่มมาแล้วหลายครั้ง คนนี้จะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้ คนนั้นชอบชมพิพิธภัณฑ์ คนนี้ชอบนั่งสงบสติอารมณ์ในโบสถ์ บางคนแม่งก็เข้าๆ ออกๆ Sex Shop อยู่นั่น คนนั้นชอบนั่งรถ คนนี้ชอบนั่งเรือ เดินมากๆ ก็บ่น นั่งนานๆ ก็เบื่อ รอกันไปรอกันมา ผิดเวลาไม่รู้จบ ฯลฯ
บ่อยครั้งที่เหตุการณ์อย่างนี้ทำให้แผนการท่องเที่ยวที่ผมวางมาอย่างดีต้องผิดเพี้ยน เสียทั้งเวลาและความรู้สึก
“ลุงพาเพื่อนไปเที่ยวไหนอะ” น้องอรถามขึ้นขณะที่ปากยังเคี้ยวทอดมันที่เหลือเสริฟจากชั้นธุรกิจเสียงดังจั๊บๆ
“เอ่อ ก็คงเวนิส แต่ไม่รู้วันไหน” ผมตอบเธออย่างขอไปที
“ไปวันไหนก็เหอะพวกหนูไปด้วย” น้องอรว่าอย่างนั้น ส่วนน้องกิฟท์ที่นั่งหาวหวอดอยู่ข้างๆ พยักหน้าแทนคำพูดเห็นด้วย
“อ้อเหรอ เออ เดี๋ยวถึงโรงแรมแล้วค่อยนัดกัน” ผมยังแอบมีหวัง เพราะบ่อยไปที่พวกเราตกลงกันดิบดี แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ อ้าว! ไม่มีใครมาตามนัดซักคน
.........................
ขอข้ามมาวันที่สองเลย “เรา” อันหมายถึงผมและจุ่น หลบ “พวกเธอ” อันหมายถึง อร กิฟท์ แตงโม น้อง ไกรและคุณพ่อน้องไกรไปไม่พ้น ด้วยโรงแรมมีอาหารเช้าหรูหราอลังการให้ลูกเรือกินกันฟรีๆ ภายในห้องอาหารจึงกลายเป็นจุดนัดพบลูกเรือไปโดยปริยาย เราสวัสดีทักทายกัน รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่ “พวกเธอ” แต่งตัวรัดกุมเหมือนกำลังจะเดินทางไปไหนซักแห่ง ไปเที่ยวกับผมเหรอ? ไม่น่าใช่ ก็ตั้งแต่นัดกันหลวมๆ บนเครื่องเมื่อสองคืนที่แล้ว ผมก็ไม่ได้นัดแนะอะไรกับใครอีก ที่เดินเที่ยวในเมืองมิลานกับน้องอรเมื่อวาน ก็ดูเธอจะลืมๆ ไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราเคยคุยกันถึงเรื่องนี้
“ตื่นแต่เช้าเชียว หนูจะไปไหนกันเนี่ย” ผมถามพวกเธอตามมารยาท
“อ้าวก็ไปกับลุงน่ะสิ เนี่ยพวกหนูพร้อมกันหมดแล้ว” น้องอร ซึ่งผมยกให้เธอเป็นหัวหน้าแกงค์ตอบมาอย่างนั้น
“อ้าวเหรอ เออๆ ดีๆ ไปกันหลายคนสนุกดี” ผมจะตอบยังไงได้! ถึงนาทีนี้ “จุ่น” เพื่อนร่วมทางของผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำท่าเซ็งๆ ด้วยผมเล่าประสบการณ์แย่ๆ ของการเที่ยวเป็นกลุ่มให้มันฟังอยู่บ่อยๆ
เหตุการณ์ต่อมาไม่มีอะไรมาก กินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวเอาของเก่าออก เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก็เดินรวมกลุ่มไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ๆ... ขลุกขลักเล็กน้อยกับการซื้อตั๋ว

ขาไปก็คึกคักกันดี เดี๋ยวดูขากลับ...มีสลด