เพียบพร้อมแบบนี้ สจ๊วตไทยคนไหนจะอดใจไหว...
แหงล่ะ... มาเมืองนอกเมืองนาทั้งที จะให้กินน้ำพริกถ้วยเก่า ที่กินซ้ำๆ ซากๆ อยู่ได้ยังไง แต่ก็ไม่แน่ บาง station ที่หาของกินอร่อยๆ ยากเย็น พวกเราอาจ pack อาหารไทยไปกินกันบ้างพอเป็นกระสาย บางคนอาจจัดอาหารแช่แข็งจำพวกข้าวผัดกระเพราไล่ไปถึงขนมจีบซาลาเปา ไม่ว่าจะยี่ห้อพรานบก พรานเบ็ด ครัวจิ้งเหลน หรืออีซี่โกน รับรองว่าลูกเรือไทยทุกคนเคยกิน เคยชิน บางคนแยกความอร่อย แยกยี่ห้อได้ด้วยซ้ำ เออเอากับมันดิ โดยเฉพาะสถานีที่มีเตาไมโครเวฟ จะสะดวกสบายที่สุด กินเหล้าเมาไวน์กันดึกดื่นค่อนคืนเกิดหิวท้องร้องจ๊อกขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะขาดของอร่อยรสชาติคุ้นปาก เรียกว่าลูกเรือไทยอิ่มได้ตลอด 24 ชั่วโมงจริงๆ
บางสถานียิ่งเจ๋ง บางแห่งจัดครัวเล็กๆ ที่เรียกว่า Pantry ไว้ให้เราโดยเฉพาะ โอ๊ยนั่นยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ แขกของโรงแรมที่เดินผ่านไปมาหน้าห้องที่เราเปิดประตูทิ้งไว้ (ไล่กลิ่นน่ะสิ) อาจสงสัยและนึกว่ากำลังมีคอร์สสอนทำอาหารไทย เพราะจะเห็นฉากการทำอาหารไทยที่หรูหราที่สุดในโลก (แอร์ไทยแต่ละคนใส่โรเล็กซ์ทำกับข้าวกันทั้งนั้น-ให้มันรู้ซะบ้างไผเป็นไผ) ส่วนสจ๊วตไทยโดยเฉพาะสจ๊วตรุ่นเฒ่าๆ ทั้งหลายยิ่งไม่ต้องพูดถึง ...ไม่เคยทิ้งนิสัยเดิม นั่งกินเหล้าเมาท์แอร์ รอกินกับแกล้มที่เจ๊ๆ กำลังทำนั่นแหละ ไม่ได้ช่วยอะไรเค้าเลย...
แต่บางครั้งบางครา เราก็ออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันบ้าง โดยเฉพาะหอยแมลงภู่นี่ไม่รู้เป็นไงสจ๊วตไทยชอบกินกันจัง แม้ราคาค่าตัวจะแพงถึงขั้นน่ากลัว แต่ด้วยความที่ทั้งขาวทั้งใหญ่เนื้อแน่นขนาดนั้นสจ๊วตไทยคนไหนก็อดใจไม่ได้ (นอกจากพวกแพ้หอยก็ว่าไปอย่าง) จะว่าไปมันก็แพงเกินเหตุ บางที่บางแห่ง... ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กิโลล่ะพัน!!! หอยบ้าอะไรวะ...
...............................

รูปนี้คือหอยแมลงภู่อบชีสรสเด็ด ร้านลีออง (Leon de Bruxelles) ส่งเข้าประกวด ร้านลีอองเป็นร้านอาหารแฟรนไชส์สัญชาติเบลเยี่ยมที่มีสาขามากมายกระจัดกระจายทั่วปารีส ร้านนี้มีอาหารมากมายให้เลือกสั่ง แต่ที่สั่งกันได้สั่งกันดีคือเมนูหอยแมลงภู่ ไม่ว่าจะเป็นหอยแมลงภู่อบซอสครีม ซอสไวน์ขาว อบชีส หรือปิ้งย่าง แต่ที่พวกเรานิยมที่สุดคือหอยแมลงภู่อบชีสอย่างที่สจ๊วตหนุ่ม "เจี๊ยบ" กำลังจะจิ้มนั่นแหละ หม้อเล็กๆ ที่เห็นนั่นถังละเกือบๆ พันบาท แพงขนาดนี้ต้องกินกันไม่ให้เหลือซาก แคะหอยกินเนื้อเสร็จแล้วต้องยกซด (น้ำ) ให้เรียบ แปลกดีที่ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย เอ้ากินเข้าไปเจี๊ยบน้องรัก...
...............................

เมนูหอยแมลงภู่อบจานนี้ ร้าน Occidental Bar หรือที่ลูกเรือไทยรู้จักกันดีในนามร้านร่มแดง (บางวันมันก็กางร่มขาว) จากเมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ส่งประกวด ร้านนี้นอกจากอาหารและเบียร์จะอร่อยและมีให้เลือกหลายหลายแล้ว บรรยากาศภายในร้านก็สนุกสนานโคตรๆ เพราะมี Live Music ให้ฟังกันตั้งแต่หัวค่ำยันเที่ยงคืน เรียกกว่ากินหอยกันไปฟังเพลงกันไป ใครกินเบียร์กันไปสนุกหน่อยจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเต้นระบำกันบ้างก็ไม่มีใครว่า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์นอกจากจะสะอาดสุดๆ แล้วยังมีขนาดใหญ่กินเต็มๆ คำ แหมนี่ถ้ามีน้ำจิ้มสามรสติดตัวไปด้วยคงจะอร่อยกว่านี้หลายเท่า หม้อดำๆ ที่เห็นสนนราคาหม้อละ 18 เหรียญนิวซีแลนด์ หรือราว 450 บาท ที่เห็นยิ้มกริ่ม หน้ากรึ่มเป็น background นั่นคือ "ประณต" ที่ชอบหอยเป็นชีวิตจิตใจ มิน่าเล่า... มาถึงเมืองโอ๊คแลนด์ทีไรเค้าจึงไม่เคยที่จะพลาดอาหารจานนี้
...............................

ปกติเมื่อพวกเรามาเมืองสต๊อกโฮล์ม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน หากไม่อาศัยร้านอาหารไทย "ชบา" ที่อยู่ห่างจากโรงแรมชั่วตดยังไม่ทันหายเหม็นกินกันตายแล้ว ก็มักไปกินซุปปลา แต่ไปหลายๆ ครั้งเข้าก็ต้องหาหอยแมลงภู่กินกันอีกจนได้ (เรียกว่าชีวิตวนเวียนอยู่กับหอย) ที่เห็นในภาพคือหอยแมลงภู่จากร้านอาหารอิตาลี Micheal Angelo ซึ่งอยู่ในย่านเมืองเก่า Gamla Stan ปกติอาหารจานหอยจะเป็น Starter รองท้องก่อนจะถึงอาหารจานหลัก แต่ลูกเรือไทยมักสั่งมากินกันเป็นเรื่องเป็นราวคนละหม้ออย่างที่เห็นนั่นแหละ (เรียกจานขอบลึกท่าจะเหมาะกว่า) ร้านอาหารแห่งนี้คิวยาวตลอดเพราะมีบรรยากาศเก่าๆ ขรึมขลัง แถมมีสลัดและขนมปังให้กินกันไม่อั้น เข้าไปดูเมนูอย่าเพิ่งงง ให้มองหา Zuppa di Cozze Riviera หรือเมนูหอยอย่างที่เห็นในรูปนั่นแหละ สนนราคาหม้อละ 100 สวีเดนโครนเนอร์หรือราว 600 บาท ...ถ้าไม่อร่อยจริง "เก่ง" สจ๊วตที่หลงใหลในเสน่ห์ "หอย" จนถอนตัวไม่ขึ้นคงไม่กินจนปากมันเยิ้มอย่างที่เห็นหรอก...
...............................

ส่วนภาพนี้ไม่ใช้สจ๊วตที่ไหน หากเป็นเพื่อนผมเองสมัยนุ่งขาสั้นอยู่โรงเรียนแถวๆ เชิงสะพานพุทธฯ ซึ่งบังเอิญดันมีธุระไปปารีสไฟลท์เดียวกันกับผมเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภาพนี้ถ่ายจากร้านหอยลีออง (Leon de Bruxelles) สาขามองต์ปาร์นาส ใกล้ๆ โรงแรมที่ลูกเรือพัก “วิรัช” เพื่อนผมกำลังบรรจงแกะหอย แม้จะดูเก้ๆ กังๆ เหมือนคนไม่เคยแกะหอยมาก่อนในชีวิต แต่กระนั้นวิรัชก็บอกผมว่าแกะง่ายกว่าหอยที่บ้านเยอะ (หมายถึงหอยที่ซื้อจากตลาดแถวบ้าน) ผมขออนุญาตไม่ออกความเห็น แต่อดคิดในใจไม่ได้ว่าอาจเป็นเพราะหอยบ้านวิรัชอาจสดไม่พอ หรือหอยบ้านวิรัชอาจเล็กเกินไปจนแกะไม่ถนัดมือ ไว้ว่างๆ ผมจะต้องถามวิรัชว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่
...............................

เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่สจ๊วตเท่านั้นที่โหยหาหอย แอร์โฮสเตสที่ผมรู้จักหลายคนก็ไม่พลาดเมนูหอย ภาพนี้ถ่ายจากร้านอาหารอิตาเลียนเจ้าอร่อยหลังสถานีรถไฟเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี น้อง “อร” กำลังหลงไหลได้ปลื้มกับหอยแมงภู่อบชีส (Impepata Di Cozze) ราคาหม้อละ 5 ยูโร คนอิตาเลียนโต๊ะข้างๆ เห็นลูกเรือไทยสั่งหอยมากินคนละหม้อแล้วเช็คบิลกลับโรงแรมมักจะงง เพราะปกติชาวบ้านชาวช่องเค้าจะกินเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย เมื่อกินหอยและซดน้ำหอยกันจนขอดหม้อแล้ว ก็มักสั่งพิซซ่าถาดใหญ่มานั่งกินแกล้มไวน์หรือเบียร์กันคนละถาด แล้วก็มักนั่งอ้อยอิ่งจนถึงห้าทุ่มโน่นแหละกว่าจะโซซัดโซเซเช็คบิลออกจากร้าน
...............................

ภาพสุดท้าย ร้าน “เส่ย” บนชานชาลาสถานีรถไฟสามเสนส่งเข้าประกวด ในภาพจะเห็น “อาจารย์ชวาล” กำลังโชว์หอยที่หน้าตาน่าเจี๊ยะเป็นที่สุด หอยแมงภู่อบร้านเส่ยแม้จะไม่ใหญ่เหมือนใครเขา แต่ความสดและความสะอาดรับรองว่าไม่แพ้หอยจากที่ใดๆ ในโลก ที่สำคัญ ราคาก็ถูกแสนถูกเพียงหม้อละ 80 บาท แถมได้น้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดถูกปากคนไทยอย่างเราๆ อีกด้วย (ตบด้วยลีโอเย็นๆ ซักขวด โอ้ มายก๊อด) หอยปารีสก็ปารีสเหอะ เจอหอยมหาชัยร้านเส่ยเข้าหน่อยก็ต้องชิดซ้ายไปเหมือนกัน
หมายเหตุ: สั่งหอย โปรดอย่าขอส้อม อายเค้า... ตามธรรมเนียมการกินแล้วเค้าใช้ฝาหอยนั่นแหละแคะเนื้อ แถมยังใช้ซดน้ำซุปได้อีกด้วย อร่อยๆๆๆๆ จริงๆๆๆๆๆ ให้ดิ้นตาย ส่วนที่ใส่เปลือกหอย ก็ใช้จานรองหม้อนั่นแหละ...
เรื่องหอยใหญ่ๆ กับสจ๊วตไทยจึงจบลง ณ ตรงนี้ สวัสดี....