new TG crew's accomodation at Shang Hai (มีรูปฟ้อง)

ไม่กี่วันมานี้ผมมีโอกาสมาบินแถวนี้กะเค้าบ้างเหมือนกัน รู้สึกกระชุ่มกระชวยดีครับเพราะมีน้องๆ รุ่นใหม่ๆ หน้าตาสดใสเยอะแยะเต็มเครื่อง แต่ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปน้องๆ ในไฟลท์มาให้ชมกันเนื่องจากผมกำลังเห่อโทรศัพท์มือถือตัวใหม่ที่มีกล้องในตัวจนลืมนำกล้องคู่ใจไปด้วย และที่สำคัญขณะนั้นผมอยู่ในอาการไม่สบายจากการตรากตรำกินเหล้าหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษา เลยพาลทำให้อารมณ์ไม่ค่อยกระจ่าง สายตาฝ้าฟางไม่มี passion ในการถ่ายรูปศิลปะหรือศิลเปรอะใดๆ ทั้งนั้น ก็หวังว่าแฟนๆ กำแหงหาญที่รออ่านเรื่องขนาดยาวพร้อมรูปสวยมั่งไม่สวยมั่งจะให้อภัยนะครับ
สำหรับน้องๆ สมาชิก thaicabincrew.com หลายคนที่อุตส่าห์ส่งอีเมล์มาถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องใหม่ๆ ของกำแหงหาญ ก็ขอตอบซะตรงนี้เลยครับว่าขอบคุณและดีใจอย่างมากที่มีผู้อ่านถามถึง อ่านอีเมล์แล้วไม่อยากเชื่อว่าผมจะมีแฟนคลับกะเค้าด้วย ห้าห้า จึงขอเรียนให้ทราบว่าอารมณ์การเขียนของผมขึ้นอยู่กับปริมาณฮอร์โมนความขยันที่มักหลั่งไม่ตรงเวลาประสาสจ๊วตเฒ่าวัยทอง แต่ก็ยืนยันว่าจะพยายามเขียนเรื่อยๆ เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวยครับ ถ้ารอไม่ไหว แนะนำให้อุดหนุนหนังสือ take off ของเจ๊นิตยาทุกสิ้นเดือน เพราะผมพยายามเขียนเรื่องไปให้เจ๊แกพิจารณาอยู่บ้างเหมือนกัน (ด้วยความเกรงใจ-ส่งหนังสือฟรีให้ทุกเดือน) แต่ถ้ารอไหวให้รออ่านในเว็บ thaicbaincrew.com ซึ่งคุณ myoldeditor จะนำเรื่องของผมมาเสนอทุกวันที่ 15 ของเดือนครับ
...........................
มาเข้าเรื่องของเรา เที่ยวบินแถวนี้ที่ว่าคือสถานีเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นไฟลท์ห้าดาวในเรื่องความสบายที่ลูกเรือชอบกันมากๆ (ถามหน่อย ลูกเรือคนไหนไม่ชอบไฟลท์สบายๆ เปอร์เดี้ยมเยอะๆ บ้าง) เนื่องจากเสริฟ breakfast ทั้งไปและกลับ ไฟลท์ไทม์ก็กำลังดีสามสี่ชั่วโมงไม่นานจนเกินไป เรียกว่าเสริฟเสร็จยังมีเวลากินเวลาเมาท์ซักพักกว่าเครื่องจะลง จึงนับเป็นไฟลท์ในฝันของลูกเรือที่ปรารถนากันเป็นพิเศษและหวงนักหวงหนาประเภทใครขอแลกก็ไม่ยอม
สำหรับผมที่มีไฟลท์บินข้ามวันข้ามคืนบ่อยๆ ได้ไฟลท์นี้มาในตารางบินก็ถือว่าเป็นรางวัลแห่งชีวิตเลยทีเดียว
แต่ข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับโรงแรมใหม่ของเราที่สถานีนี้ทำให้ผมค่อนข้างหวั่นใจกับการใช้ชีวิตอยู่ไม่น้อย ทั้งที่รู้และมีบทเรียนมาแล้วเกี่ยวกับข่าวลือในหมู่พวกเราที่มักเชื่อถือไม่ค่อยได้ ทีเขียนแบบนี้ไม่ใช่แอบด่าพวกเดียวกันเอง แต่เนื่องจากลักษณะการทำงานของพวกเราที่บินสวนกันไปสวนกันมาหาเอกภาพไม่ค่อยได้ ข่าวจริงๆ ที่ถูกเมาท์กันไปมาจึงมักถูกปั้นเสริมเติมแต่งจนหาเค้าเดิมแทบไม่ได้
ก็เมื่อไปเองจึงได้รู้ครับ ว่าข่าวลือก็เป็นข่าวลือวันยังค่ำ...
......................
โรงแรมใหม่ของเราอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติปูดง (Pudong) ประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 45 นาที-1 ชั่วโมง โดยอยู่ในย่านการค้าชานเมืองที่คึกคักใหญ่โตหาของกินง่ายกว่าโรงแรมเก่าหลายเท่า โดยเฉพาะย่าน Jinqiao ที่มีทั้งของกินหลายชาติให้เลือกทาน แถมยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม โดยโรงแรมมีบริการรถ shuttle bus รับส่งถึงหน้าห้างโดยใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีเท่านั้น
ถ้าอยากจะเดินเล่นหน้าโรงแรมก็สะดวกและปลอดภัยดีครับ อาหารการกินรสชาติดีราคาถูก เห็นภัตตาคารหรูๆ อย่ากลัวครับ เพราะกินให้ท้องแตกตายก็ไม่เกิน 300 บาท อาหารก็อร่อยๆ ทั้งนั้น
สำหรับผู้นิยมของเลียนแบบไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหรือนาฬิกา ขอเรียนให้ทราบเป็นครั้งที่ร้อยว่าตลาดเซี่ยงหยางถูกทางการปิดกิจการไปเรียบร้อยแล้ว แต่พ่อค้าแม่ขายก็ไม่ได้หายหน้าไปไหนหรอกครับ เกือบทั้งหมดกลับมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายที่ตลาดแห่งใหม่ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาทีโดยบริการรถ shuttle bus จากโรงแรม ข้าวของยังมีให้เลือกมากมายเช่นเดิม แม้จะไม่ได้บรรยากาศเก่าๆ outdoor เหมือนตลาดเซี่ยงหยาง แต่กลเม็ดเด็ดพรายในการต่อราคา ประเภทต่อไม่ได้แล้วเดินหนียังใช้ได้ไม่เลิกครับ
......................
เครื่องบินแอร์บัส 330 ของเรามาถึงสนามบินปูดงในเวลาเช้าตรู่ สนามบินปูดงนั้นใหญ่โตเอามากๆ แต่ก็ยังเล็กกว่าสนามบินสุวรรณภูมิของเรา สภาพภายในพยายามทำให้หรูหราแต่ดูแล้วไม่ค่อยเจริญหูเจริญตาเท่าไหร่นัก ผมแอบดูเครื่องคอม, monitor และ software ที่ใช้ต้องบอกว่ายังล้าหลังเราอยู่มากครับ
แต่การเดินทางเข้าเมืองสำหรับผู้โดยสารนั้นสะดวกสบายมากครับ โดยเฉพาะรถไฟ maclev หรือรถไฟพลังแม่เหล็กอันโด่งดังนั้นน่าประทับใจจริงๆ เพราะมันเร็วมาก (เพราะวิ่งเหนือรางจึงไม่มีแรงเสียดทาน) จากสนามบินเข้าสู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ใช้เวลา 30 นาทีเท่านั้น พูดแล้วเศร้าใจ โครงการ airport link ของเรายังไม่วี่แววจะแล้วเสร็จ โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินห้าสายก็ถูกแช่แข็งเพราะเจบิคไม่ให้กู้ โชคร้ายจริงๆ ที่ได้คนมันชั่วเข้ามาบริหารบ้านเมือง
รถบัสของโรงแรมที่รอรับลูกเรือจอดอยู่แถวนั้นแหละครับ ไม่ต้องกลัวหลงเพราะมีเจ้าหน้าที่ของโรงแรม แหม่มหนึ่งคน และหมวยหนึ่งคน มารอรับและนำเรามาส่งถึงกะไดรถ พอรถเคลื่อนเธอก็แจกน้ำเปล่าให้คนละขวด เดินแจกกุญแจรายตัว เซ็นชื่อกันทั้งที่รถวิ่งอยู่นั่นแหละ (ผมล่ะกลัวรถเบรคแล้วเธอล้มมานั่งบนตักผมจังเลย) เสร็จแล้วเจ๊แหม่มแกก็จะเป็นผู้อธิบาย facilities ต่างๆ ของโรงแรมให้เราฟัง เรียกว่าเอาใจกันทุกเม็ดตั้งแต่ยังไม่ถึงโรงแรม ซึ่งผมก็เดาได้ว่ามันทำได้ไม่นานหรอก ช่วงนี้คือช่วงฮันนีมูนที่ต่างคนต่างเอาใจกันและกัน ขอให้ดูกันยาวๆ เมื่อรู้ฤทธิ์เดชลูกเรือไทยดีแล้วรับรองว่ามาตรการเอาใจแทบอุ้มขึ้นห้องแบบนี้จะหายไปอย่างแน่นอน
ไม่เป็นไร อยากไล่ก็เชิญ เซี่ยงไฮ้ยังมีโรงแรมดีๆ ให้เรานอนอีกเยอะแยะ
...........................
ถึงโรงแรม.... จะมีป้ายขนาดใหญ่เขียนข้อความทำนองว่า welcome thai crew to our hotel หรืออะไรทำนองนี้ขึงอยู่เหนือล๊อบบี้ ซึ่งผมก็อยากจะพยากรณ์ว่ามันขึงอยู่ได้ไม่นานหรอก
...........................
ชมภาพพร้อมคำบรรยายแล้วจะรู้ว่า "ข่าวลือก็ย่อมเป็นข่าวลือ"
สำหรับน้องๆ สมาชิก thaicabincrew.com หลายคนที่อุตส่าห์ส่งอีเมล์มาถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องใหม่ๆ ของกำแหงหาญ ก็ขอตอบซะตรงนี้เลยครับว่าขอบคุณและดีใจอย่างมากที่มีผู้อ่านถามถึง อ่านอีเมล์แล้วไม่อยากเชื่อว่าผมจะมีแฟนคลับกะเค้าด้วย ห้าห้า จึงขอเรียนให้ทราบว่าอารมณ์การเขียนของผมขึ้นอยู่กับปริมาณฮอร์โมนความขยันที่มักหลั่งไม่ตรงเวลาประสาสจ๊วตเฒ่าวัยทอง แต่ก็ยืนยันว่าจะพยายามเขียนเรื่อยๆ เท่าที่เวลาและโอกาสจะอำนวยครับ ถ้ารอไม่ไหว แนะนำให้อุดหนุนหนังสือ take off ของเจ๊นิตยาทุกสิ้นเดือน เพราะผมพยายามเขียนเรื่องไปให้เจ๊แกพิจารณาอยู่บ้างเหมือนกัน (ด้วยความเกรงใจ-ส่งหนังสือฟรีให้ทุกเดือน) แต่ถ้ารอไหวให้รออ่านในเว็บ thaicbaincrew.com ซึ่งคุณ myoldeditor จะนำเรื่องของผมมาเสนอทุกวันที่ 15 ของเดือนครับ
...........................
มาเข้าเรื่องของเรา เที่ยวบินแถวนี้ที่ว่าคือสถานีเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นไฟลท์ห้าดาวในเรื่องความสบายที่ลูกเรือชอบกันมากๆ (ถามหน่อย ลูกเรือคนไหนไม่ชอบไฟลท์สบายๆ เปอร์เดี้ยมเยอะๆ บ้าง) เนื่องจากเสริฟ breakfast ทั้งไปและกลับ ไฟลท์ไทม์ก็กำลังดีสามสี่ชั่วโมงไม่นานจนเกินไป เรียกว่าเสริฟเสร็จยังมีเวลากินเวลาเมาท์ซักพักกว่าเครื่องจะลง จึงนับเป็นไฟลท์ในฝันของลูกเรือที่ปรารถนากันเป็นพิเศษและหวงนักหวงหนาประเภทใครขอแลกก็ไม่ยอม
สำหรับผมที่มีไฟลท์บินข้ามวันข้ามคืนบ่อยๆ ได้ไฟลท์นี้มาในตารางบินก็ถือว่าเป็นรางวัลแห่งชีวิตเลยทีเดียว
แต่ข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับโรงแรมใหม่ของเราที่สถานีนี้ทำให้ผมค่อนข้างหวั่นใจกับการใช้ชีวิตอยู่ไม่น้อย ทั้งที่รู้และมีบทเรียนมาแล้วเกี่ยวกับข่าวลือในหมู่พวกเราที่มักเชื่อถือไม่ค่อยได้ ทีเขียนแบบนี้ไม่ใช่แอบด่าพวกเดียวกันเอง แต่เนื่องจากลักษณะการทำงานของพวกเราที่บินสวนกันไปสวนกันมาหาเอกภาพไม่ค่อยได้ ข่าวจริงๆ ที่ถูกเมาท์กันไปมาจึงมักถูกปั้นเสริมเติมแต่งจนหาเค้าเดิมแทบไม่ได้
ก็เมื่อไปเองจึงได้รู้ครับ ว่าข่าวลือก็เป็นข่าวลือวันยังค่ำ...
......................
โรงแรมใหม่ของเราอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติปูดง (Pudong) ประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 45 นาที-1 ชั่วโมง โดยอยู่ในย่านการค้าชานเมืองที่คึกคักใหญ่โตหาของกินง่ายกว่าโรงแรมเก่าหลายเท่า โดยเฉพาะย่าน Jinqiao ที่มีทั้งของกินหลายชาติให้เลือกทาน แถมยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม โดยโรงแรมมีบริการรถ shuttle bus รับส่งถึงหน้าห้างโดยใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีเท่านั้น
ถ้าอยากจะเดินเล่นหน้าโรงแรมก็สะดวกและปลอดภัยดีครับ อาหารการกินรสชาติดีราคาถูก เห็นภัตตาคารหรูๆ อย่ากลัวครับ เพราะกินให้ท้องแตกตายก็ไม่เกิน 300 บาท อาหารก็อร่อยๆ ทั้งนั้น
สำหรับผู้นิยมของเลียนแบบไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหรือนาฬิกา ขอเรียนให้ทราบเป็นครั้งที่ร้อยว่าตลาดเซี่ยงหยางถูกทางการปิดกิจการไปเรียบร้อยแล้ว แต่พ่อค้าแม่ขายก็ไม่ได้หายหน้าไปไหนหรอกครับ เกือบทั้งหมดกลับมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายที่ตลาดแห่งใหม่ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาทีโดยบริการรถ shuttle bus จากโรงแรม ข้าวของยังมีให้เลือกมากมายเช่นเดิม แม้จะไม่ได้บรรยากาศเก่าๆ outdoor เหมือนตลาดเซี่ยงหยาง แต่กลเม็ดเด็ดพรายในการต่อราคา ประเภทต่อไม่ได้แล้วเดินหนียังใช้ได้ไม่เลิกครับ
......................
เครื่องบินแอร์บัส 330 ของเรามาถึงสนามบินปูดงในเวลาเช้าตรู่ สนามบินปูดงนั้นใหญ่โตเอามากๆ แต่ก็ยังเล็กกว่าสนามบินสุวรรณภูมิของเรา สภาพภายในพยายามทำให้หรูหราแต่ดูแล้วไม่ค่อยเจริญหูเจริญตาเท่าไหร่นัก ผมแอบดูเครื่องคอม, monitor และ software ที่ใช้ต้องบอกว่ายังล้าหลังเราอยู่มากครับ
แต่การเดินทางเข้าเมืองสำหรับผู้โดยสารนั้นสะดวกสบายมากครับ โดยเฉพาะรถไฟ maclev หรือรถไฟพลังแม่เหล็กอันโด่งดังนั้นน่าประทับใจจริงๆ เพราะมันเร็วมาก (เพราะวิ่งเหนือรางจึงไม่มีแรงเสียดทาน) จากสนามบินเข้าสู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ใช้เวลา 30 นาทีเท่านั้น พูดแล้วเศร้าใจ โครงการ airport link ของเรายังไม่วี่แววจะแล้วเสร็จ โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินห้าสายก็ถูกแช่แข็งเพราะเจบิคไม่ให้กู้ โชคร้ายจริงๆ ที่ได้คนมันชั่วเข้ามาบริหารบ้านเมือง
รถบัสของโรงแรมที่รอรับลูกเรือจอดอยู่แถวนั้นแหละครับ ไม่ต้องกลัวหลงเพราะมีเจ้าหน้าที่ของโรงแรม แหม่มหนึ่งคน และหมวยหนึ่งคน มารอรับและนำเรามาส่งถึงกะไดรถ พอรถเคลื่อนเธอก็แจกน้ำเปล่าให้คนละขวด เดินแจกกุญแจรายตัว เซ็นชื่อกันทั้งที่รถวิ่งอยู่นั่นแหละ (ผมล่ะกลัวรถเบรคแล้วเธอล้มมานั่งบนตักผมจังเลย) เสร็จแล้วเจ๊แหม่มแกก็จะเป็นผู้อธิบาย facilities ต่างๆ ของโรงแรมให้เราฟัง เรียกว่าเอาใจกันทุกเม็ดตั้งแต่ยังไม่ถึงโรงแรม ซึ่งผมก็เดาได้ว่ามันทำได้ไม่นานหรอก ช่วงนี้คือช่วงฮันนีมูนที่ต่างคนต่างเอาใจกันและกัน ขอให้ดูกันยาวๆ เมื่อรู้ฤทธิ์เดชลูกเรือไทยดีแล้วรับรองว่ามาตรการเอาใจแทบอุ้มขึ้นห้องแบบนี้จะหายไปอย่างแน่นอน
ไม่เป็นไร อยากไล่ก็เชิญ เซี่ยงไฮ้ยังมีโรงแรมดีๆ ให้เรานอนอีกเยอะแยะ
...........................
ถึงโรงแรม.... จะมีป้ายขนาดใหญ่เขียนข้อความทำนองว่า welcome thai crew to our hotel หรืออะไรทำนองนี้ขึงอยู่เหนือล๊อบบี้ ซึ่งผมก็อยากจะพยากรณ์ว่ามันขึงอยู่ได้ไม่นานหรอก
...........................
ชมภาพพร้อมคำบรรยายแล้วจะรู้ว่า "ข่าวลือก็ย่อมเป็นข่าวลือ"