เรื่องจริงไม่ตลกนะ….

บังเอิญผมไปบินกับน้องสจ๊วตคนนึงที่คุ้นเคยกันดี สมมติว่าชื่อเอ๊ด… จะว่าไปน้องเค้าก็เป็นประเภทคอไม่แข็งสองแก้วเมา แต่ก็นั่งเป็นเพื่อนเมาท์กันได้ เอ๊ดเป็นคนนิสัยดี แต่เสียตรงขี้โม้ชอบอวดร่ำอวดรวย จึงมักเป็นที่หมั่นไส้ของใคร ๆ

แต่ผมไม่สนหรอก จะโม้ก็โม้ไป ผมยินดีรับฟัง แค่นั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนกันก็ปลื้มใจแล้ว

ปัญหาคือเอ๊ดเพิ่งโดนแฟนเด็กทิ้งมาใหม่ ๆ หมาด ๆ ไฟลท์นี้เขาจึงดูจ๋อย ๆ ไป ถึงลอนดอน ผมชวนเอ๊ดไปกิน Lobster burger ด้วยกลัวเค้าจะเหงา

ผม >> ไปกินด้วยกันเอ๊ด.. จะนั่งเหงาอยู่คนเดียวทำไม ไม่สบายใจเปล่า ๆ (ในฐานะสจ๊วตรุ่นพี่ เราก็ต้องปลอบกันงี้แหละ)
เอ๊ด >> ตามสบายพี่ เดี๋ยวผมไปกินเป็ดโฟร์ (Four Seasons แหมหรูซะด้วย) และอาจไปหาทาปาสกินแถวโซโห (ทาปาส Tapas อาหารจิ้ม ๆ กับแกล้มสไตล์สเปน)

อะไม่ว่ากัน เข้าใจว่าคนเรากำลังเฮิร์ต ๆ บางทีเอ๊ดคงอยากอยู่คนเดียว แต่ก็นัดแนะกันว่าต่างคนต่างไป เดี๋ยวกลับมาดื่มไวน์ต่อที่ห้องผมก็แล้วกัน

3 ชั่วโมงผ่านไป ผมกลับมาถึงห้อง โทรเรียกเอ๊ด ซักแป๊บเขาก็เดินหนีบขวดไวน์แดงที่พร่องไปแล้วครึ่งขวดมาที่ห้อง (แอบแปลกใจปกติมันกินไวน์ที่ไหน เบียร์ขวดเดียวก็เมาแฟ่ดแล้ว)

เอ๊ด >> เศร้าพี่ ไปกินข้าวหน้าเป็ดโฟร์ซีซั่นเรียบร้อย ผมเลยจัดไวน์กินรอพี่อยู่เนี่ย…

นั่งคุยกัน 2-3 ชั่วโมงผ่านไป ต่างคนต่างเมา ไวน์แดงของเอ๊ดหมดไปนานแล้ว ก่อนจะลากลับ เอ๊ดทำท่าขย้อน… และเมื่อเขาเอ่ยปากขอผมเข้าห้องน้ำนั่น ไอ้ไวน์แดงและอาหารเก่าเก็บในพุงของเขาก็ทะลักออกมาเต็มพื้นส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง…. ยังดีที่ผมชักขาหลบทัน ไม่งั้นกุงเกงแพรเจ้าคุณปู่กูเลอะหมด

แว่บนึงผมก้มไปมองกองอ้วก…

สัส… เมาไม่ว่า แต่กับพี่แท้ ๆ มึงยังโกหกเอาโล่ ไอ้ที่มึงอ้วกออกมาแม่งเส้นมาม่าล้วน ๆ ข้าวหน้าเป็ดโฟร์ซีซั่นห่าไรหามีไม่….